Tuesday, September 13, 2011

Chapter 3... Friday of the 3rd week/ November

Chapter 3


            คนที่อยู่ในโรงเรียนเดียวกันเรียกว่า เพื่อน ใช่ไหม
            หรือคนที่อยู่ในโรงเรียนเดียวกัน และเคยคุยกัน ก็คือ เพื่อน ใช่ไหม
            และเพื่อนก็คือคนที่เมื่อเดินผ่านกัน ก็ทักทายกัน หรือยิ้มให้กัน หรือสบตา หรือแสดงท่าทางอะไรก็ได้ว่ารู้จักกัน ใช่ไหม
            แต่นักเรียนใหม่คนนั้น คนที่อยู่โรงเรียนเดียวกับเรา เคยคุยกับเรา และเคยนั่งกินข้าวกับเราไม่ได้แสดงท่าทางว่ารู้จักอะไรเราเลย ไม่ว่าจะเป็นตอนเดินสวนกันตรงทางเข้าห้องสมุด ตอนกลุ่มเราเดินผ่านโต๊ะที่เขากินข้าวอยู่ หรือตอนเดินไหลไปตามกลุ่มนักเรียนเมื่อตอนเปลี่ยนคาบเรียนบนตึกวิทย์ตลอดเวลา ๔ วันที่ผ่านมา
            ไม่ใช่ว่าเราจะคอยมองหาตลอดว่าเขาอยู่ตรงไหน แต่เมื่อใดก็ตามที่เขาผ่านมา มักจะมีใครคนใดคนหนึ่งในกลุ่มเราพูดถึงเขาเสมอ ในโรงอาหารเขาจะนั่งอยู่ในกลุ่มเดียวกับเมย์ ติดกับคนที่เราจำได้ว่าเป็นนักบาสของโรงเรียนและเป็นกรรมการนักเรียนฝ่ายกีฬาด้วย กลุ่มของเมย์ หมายถึงกลุ่มที่ดังที่สุดของชั้นเรียน เพราะในกลุ่มไม่ได้มีแค่เมย์ ที่เป็นประธานนักเรียนที่สวยที่สุด แต่ยังมีรองประธานนักเรียนที่เรียนเก่งที่สุด หัวหน้าวงโยธวาทิต เด็กผู้หญิงที่สาบานกับอาจารย์ฝ่ายปกครองว่าผมของตัวเองเป็นสีน้ำตาลธรรมชาติ พี่ ม. ๖ อดีตกรรมการนักเรียน ลูกอาจารย์วิชาเคมี และพี่ม.๖ คนที่จูนเคยแอบเอาช็อคโกแลตไปให้เมื่อวาเลนไทน์ที่ผ่านมา
            แต่เขาไม่ได้คุยกับใครเป็นพิเศษ หรือหัวเราะไปพร้อมกับคนอื่นในกลุ่ม เขามักถือหนังสือขนาดพ็อกเกตบุ๊คที่กุ๊กไปแอบสังเกตแล้วมาบอกจูนว่าเป็น หนังสือคู่มือชีวะ หรือบางวันก็เป็นวิชาเคมี จูนบอกว่า เจเป็นนักเรียนเกรด A ก็คือได้เกรดเฉลี่ย ๔.๐๐ มาตลอด ตอนนี้จูนมีข้อมูลของ เจ เยอะมาก กุ๊กยังแซวว่า จูนเป็นหัวหน้าแฟนคลับของเจ ไม่ใช่ว่ามีแฟนคลับกลุ่มนี้เป็นทางการ แต่ว่าในเวบไซต์ของโรงเรียน มีคนที่เข้ามาคุยเรื่องเจเยอะมาก และมักจะลงชื่อว่า แฟนคลับเจ ใคร ๆ ก็ใช้ชื่อว่า แฟนคลับเจ ถ้าพูดเรื่องเจ แต่เราไม่เคยอ่านหรอก เราไม่เคยแม้แต่เข้าเวบโรงเรียน คอมพิวเตอร์ที่เราจะใช้ได้มีแค่เพียงคอมพิวเตอร์ในห้องสมุดที่ต้องลงชื่อใช้งาน และด้วยงบโรงเรียนที่จำกัด ทำให้คิวรอใช้ยาวเหยียดเสมอ เมื่อได้โอกาส เราจึงมักต้องรีบหาแต่เรรื่องที่จำเป็นต้องใช้ในการทำรายงานเท่านั้น และแถวบ้านเราก็ไม่มีร้านอินเตอร์เนทคาเฟ่เหมือนที่ผุดขึ้นมากมายรอบ ๆ ห้าง
            นอกจากเรื่องนักเรียนเกรด A กุ๊กยังบอกว่า ประเด็นสำคัญที่ถกเถียงกันในเวบก็คือเรื่องที่เจต้องออกจากโรงเรียนเก่า มีหลายคนเข้ามาให้ความเห็นมากมาย แต่เราไม่รู้คำตอบที่ถูกต้อง เพราะเมื่อคุยกันมาถึงตรงนี้ ก็ถึงเวลาที่เราต้องรีบไปรดน้ำที่แปลงสวนครัวแล้ว วันนี้ต้องดูแลให้มากเป็นพิเศษ เพราะเสาร์-อาทิตย์จะไม่มีใครมารดน้ำให้มันเลย
            เราเดินไปพลาง พยายามท่องศัพท์ภาษาอังกฤษที่น่าจะโดนเรียกถามอาทิตย์หน้าไปพลาง การโดนเรียกยืนตอบในห้องเรียนนั้นน่าอายน้อยกว่าโดนเรียกแล้วตอบไม่ได้นิดเดียว ห้องเก็บเครื่องมือเกษตรดัดแปลงมาจากเรือนพยาบาลเก่า มีทั้งจอบ เสียม พลั่ว ทั้งเล็กและใหญ่ และยังมีกระดาน หรือโต๊ะ เก้าอี้ที่พังแล้ววางสุมอยู่ ไม้ ประธานชมรมสวนครัวเคยนัดให้ทุกคนมาทำความสะอาดที่นี่ แต่ไม่มีใครยอมมา จึงได้เลิกราไป เพราะ เราแค่สองคน ทำไม่ไหวหรอก ไม้บอกว่าเราควรจะเป็นประธานชมรมมากกว่าเขาอีก แต่การเป็นประธานไม่ได้มีหน้าที่แค่รดน้ำ พรวนดิน และดูแลแปลงผัก การเข้าประชุมคณะกรรมการนักเรียนไม่ใช่เรื่องที่เราถนัดเลย
            เราเลือกส้อมพรวนอันเล็กสุด และบัวรดน้ำอันที่ใช้ประจำ แล้วเดินมาที่แปลงผัก
            หนอนตัวใหญ่ขนาดนี้ไม่กลัวรึไง
            เจ ถือใบมะกรูดที่คงเด็ดออกมาจากต้นพร้อมหนอนตัวใหญ่กว่านิ้วโป้งของเขาเสียอีก
            นี่ต้นอะไรอ่ะ
            มะกรูด
            เธอน่าจะทำสวนดอกไม้ไม่ใช่เหรอ ทำไมมาปลูกผัก แล้วเอาไว้ขายรึเปล่า ที่นี่มีชมรมเกษตรด้วยเหรอ คงเป็นชมรมที่รวยที่สุดในโรงเรียนเลยนะ ชมรมอื่นไม่มีรายได้นี่
            คำถามทุกคำถามของเขาคงไม่ต้องการคำตอบ เพราะถามเสร็จเขาก็หันหลังเอาใบมะกรูดและหนอนไปวางไว้ตรงแปลงผักชีแทน แล้วเอาบัวรดน้ำที่เราถือมาไปเติมน้ำ ตลอดเวลาที่เราพรวนดินไป และเขารดน้ำ เจจะถามเรื่องง่าย ๆ เกี่ยวกับแปลงสวนครัวมากมาย เราตอบบ้าง ไม่ตอบบ้าง ไม่รู้ว่าเพราะเขาไม่สนใจที่จะรู้คำตอบอยู่แล้ว หรือเราตอบช้าจนเขาไม่รอฟัง และเพราะช่วยกันสองคน วันนี้เราจึงใช้เวลาที่แปลงสวนครัวน้อยกว่าที่ผ่านมา
            เราเจอร้านที่ขายสเต็คแล้ว ไปกินกัน
            เจ ยึดกระเป๋าเราไปถือไว้แล้วเดินนำไปทางหลังโรงเรียนที่จอดรถของนักเรียน
            อยู่ตรงตีนสะพานข้ามแม่น้ำน่ะ เคยไปไหม
            ไม่เคย เราว่าเรากลับบ้านดีกว่า
            ไปเป็นเพื่อนหน่อย เรายังไม่คุ้นเส้นทางเท่าไร กินข้าวสองคนอร่อยกว่ากินคนเดียวด้วย
            เราก็ไม่รู้ทางเหมือนกัน
            ไม่เป็นไรเรารู้
            เจ คงจะจำได้จากคราวที่แล้ว จึงเอากระเป๋าไปถือไว้ทั้งสองใบ ขณะที่เราก้าวคร่อมขึ้นรถ เราพยายามยึดกระโปรงไม่ให้เลิกขึ้นสูง และเกาะคนขับแน่น ตอนขึ้นลงสะพานชันนั้นยากที่สุด เพราะจับกระโปรงไปด้วย ระวังไม่ให้ตกจากรถ และหลบลงแรงที่พัดปะทะหน้าไปพร้อม ๆ กันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เจ คงจะเข้ากับเพื่อนในกลุ่มไม่ค่อยได้ เขาถึงได้เอาแต่นั่งอ่านหนังสือเรียนตอนที่อยู่ในโรงเรียน และ เจ คงไม่ชอบคนเยอะ ๆ ถึงได้ไม่ชวนใครในกลุ่มมากินข้าวเป็นเพื่อน เพราะหากชวนคนหนึ่ง ก็ต้องชวนคนอื่น ๆ ด้วย เราคิดเข้าใจเอาเอง
            ร้านสเต็คร้านนี้ใหญ่ แต่ไม่ค่อยมีคน คนคงเยอะตอนเย็น ๆ กว่านี้ เจ เดินนำไปนั่งด้านในห้องแอร์ เขาสั่งสเต็คเนื้อจานใหญ่โดยไม่ดูเมนูด้วยซ้ำ แต่เราต้องดูเมนูถึงสามรอบกว่าจะตัดสินใจได้ว่าสั่งสลัดไก่ดูจะถูกที่สุด ราคาสลัดจานนี้เท่ากับเรากินมื้อเย็นได้สามวัน เจ สั่งสปาเก็ตตี้ตามรูปที่อยู่ในเมนูแนะนำเพิ่มอีกอย่าง ตามด้วยน้ำส้มคั้นสองที่
            หวังว่าร้านนี้จะอร่อยนะ
            อาหารมาพร้อมกันสามจาน เจ ผลักสปาเกตตี้ให้
            อันนี้น่าจะดี กินสิ แล้วบอกด้วยว่าอร่อยไหม
            สาบานว่าเราไม่เคยกินอะไรอร่อยเท่านี้มาก่อน ไม่สิ เราไม่เคยกินสปาเกตตี้มาก่อนเลยต่างหาก เราจึงไม่รู้หรอกว่าสปาเกตตี้ที่นี่อร่อยไหม แต่มันเป็นอาหารที่อร่อยที่สุดเท่าที่เราเคยกินมา เราเลื่อนจานให้ เจ แล้วตอบทั้งยังเคี้ยวไม่หมด
            อร่อยมากเลย
            เธอกินเถอะ เราไม่ชอบสปาเกตตี้หรอก สลัดนี่แบ่งกัน
            เราไม่เข้าใจว่าเขาจะสั่งอาหารที่ไม่ชอบทำไม ในรูปมันอาจจะดูน่ากินมั้ง ระหว่างกินเจถามเราเรื่องที่เที่ยวหรือสถานที่ต่าง ๆ ในเมือง หลังจากเราให้คำตอบอะไรไม่ได้สักอย่าง เขาก็เปลี่ยนไปถามเรื่องโรงหนังที่ห้าง แต่เราก็ไม่เคยไปดูหนังเลย
            หนังเรื่องสุดท้ายที่ดูเรื่องอะไร
            เราไม่เคยดูหนัง
            แต่ห้างที่นี่เปิดมา ๕ ปีแล้วไม่ใช่เหรอ
            เราไม่เคยไป
            อ้าว แล้วไปไหนบ้าง
            เราได้แต่ส่ายหน้า เจ กินทุกอย่างหมดแล้ว สปาเกตตี้เราเพิ่งหมดไปครึ่งจาน คงต้องเคี้ยวให้เร็วมากกว่านี้ เราจึงปล่อยให้ เจ เล่าเรื่องหนัง และโรงหนังที่กรุงเทพอยู่ฝ่ายเดียว หนังสามมิติทำให้เราถึงหยุดเคี้ยวแล้วฟังอย่างตื่นตาตื่นใจ
            เธอน่าจะไปดูหนังนะ ครั้งหนึ่งในชีวิต ก่อนตายก็ยังดี
            พอเรากินหมด เจ จึงหันไปเรียกพนักงานแล้วรีบบอกก่อนเราจะหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมา
            เราเอง เราชวนเธอมา ไม่ต้องจ่ายหรอก
            แต่มันแพงนะ
            อยู่นี่เงินเราเหลือใช้เยอะ
            เจ ขับรถมาส่งเราหน้าร้านแล้วกลับบ้าน ป้าเงยหน้ามองทันเห็นรถมอเตอร์ไซค์ที่ไม่คุ้นตามาส่งหลานสาว
            เพื่อนที่โรงเรียนมาส่งค่ะ
            ขับรถแพงเชียว ใครน่ะ
            เขาเพิ่งย้ายมาจากกรุงเทพเทอมนี้ค่ะ ชื่อ เจ
            พี่ลัดดา จากร้านทำผมที่นั่งคุยอยู่กับป้าก่อนแล้ว ถามขึ้น
            ที่เป็นหลานท่านผู้ว่าฯ น่ะเหรอ
            รู้จักเหรอ ลัดดา
            เค้าพูดกัน หลานผู้ว่า เพิ่งย้ายมาจากกรุงเทพ มาเข้าที่โรงเรียนจังหวัด อยู่ห้องเดียวกับหลานเธอเหรอ
            ทั้งป้าและพี่ลัดดาหันมามองหน้าเรา
            อยู่ห้องหนึ่งค่ะ
            เรารีบเดินขึ้นไปเปลี่ยนชุดจะได้รีบลงมาช่วยป้าขายของ ไม่อยากฟังอะไรต่อและกลัวว่าจะโดนถามเรื่องเจอีก
            ก่อนนอนเรานึกขึ้นได้ว่า บางทีเจอาจไม่อยากทักเราที่โรงเรียนเพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่ามาคุยกับเรา เพราะกลุ่มของเมย์มีแต่คนเก่ง ๆ เราเองอยู่ห้อง ๓ มีแต่ห้อง ๑ ที่คัดแต่นักเรียนเก่ง ๆ แยกไว้ ห้อง ๒ และ ๓ คละกัน ที่เหลืออีก ๔ ห้อง เป็นสายศิลป์คำนวณ และภาษา ถึงจูนจะน่ารักและรู้จักคนไปทั่ว แต่เราไม่เป็นอย่างนั้น บางที เจ อาจจะคิดว่าเราเป็นคนที่นี่ น่าจะรู้อะไรมาก แต่วันนี้ เจ คงรู้แล้วว่าพึ่งอะไรเราไม่ได้ เพราะเราก็ไม่รู้อะไรมากไปกว่าคนกรุงเทพที่เพิ่งย้ายมาใหม่ ๆ เลย บางทีวันนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้คุยกัน

No comments:

Post a Comment